ปัจจัยในการเลือกเทคโนโลยีโบลเวอร์มีอะไรบ้าง?

การเลือกโบลเวอร์แรงงานต่ำ (Low Pressure Air Blower) ให้เหมาะกับการใช้งานนั้นต้องพิจารณาจากปัจจัยหลายๆ อย่าง มาดูกันเลยค่ะ ว่ามีปัจจัยอะไรอีกบ้างที่ผู้ใช้งานควรนำมาพิจารณาในการเลือกโบลเวอร์

เลือกโบลเวอร์อย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน

คุณกำลังตัดสินใจเลือกซื้อโบลเวอร์อยู่ใช่ไหม? วันนี้เราจะมาแนะนำการเลือกซื้อโบลเวอร์ให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละอุตสาหกรรมกันค่ะ!

รู้หรือไม่ว่าปัจจุบันในประเทศไทยเองมีอุตสาหกรรมต่างๆ มากมายที่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีโบลเวอร์แรงดันต่ำ (low-pressure technologies) ในกระบวนการผลิต ไม่ว่าจะเป็น การใช้ในกระบวนการบำบัดน้ำเสีย ใช้ในฟาร์มปลา อุตสาหกรรมผลิตอาหารและเครื่องดื่ม โรงงานปูนซีเมนต์ หรือในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ เป็นต้น โดยในแต่ละอุตสาหกรรมจะมีการใช้งานลมอัดและข้อจำกัดต่างๆ ที่แตกต่างกันออกไป นี่จึงเป็นเหตุให้ผู้ใช้งานระบบอัดอากาศควรพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ก่อนการลงทุนเพื่อที่จะเลือกซื้อเทคโนโลยีโบลเวอร์แรงดันต่ำได้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด!

ปัจจัยในการเลือกเทคโนโลยีโบลเวอร์มีอะไรบ้าง?

การทราบปริมาณความต้องการใช้งานลมอัดและข้อกำหนดในการติดตั้งอย่างละเอียดถือเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม โดยคุณอาจจะพิจารณาเลือกจาก ขนาดพื้นที่ติดตั้ง หากพื้นที่ใช้งานคุณมีอยู่อย่างจำกัด ควรเลือกโบลเวอร์ที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัดและมีการทำงานที่เงียบ จะช่วยให้ประหยัดพื้นที่ ไม่รบกวนการทำงาน หากกระบวนการผลิตของคุณจำเป็นต้องใช้โบลเวอร์ที่ประหยัดพลังงาน ก็อาจจะต้องเลือกใช้โบลเวอร์ที่มีราคาสูงสักนิด ซึ่งปัจจัยในการเลือกใช้เทคโนโลยีโบลเวอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้นยังมีอีกมาก มาดูกันเลยค่ะ ว่ามีปัจจัยอะไรอีกบ้างที่ผู้ใช้งานควรนำมาพิจารณา:

1. Flow และ pressure

การติดตั้งโบลเวอร์ให้มีขนาดเหมาะกับการใช้งานจะช่วยให้คุณประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิตไปได้มาก ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณเปลี่ยนจากเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมแบบปกติ (air compressor) มาเป็นเทคโนโลยีโบลเวอร์แรงดันต่ำ (low-pressure technologies) จะสามารถผลิตลมอัดแรงดันต่ำได้ในอัตรา 0.3 และ 1.5 บาร์ (กรัม) ส่งผลให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น เนื่องจากอากาศจะถูกบีบอัดให้สูงกว่าความต้องการใช้งานจริงทุกๆ 1 บาร์ (g) ทำให้คุณสูญเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ถึง 7%     

2. สภาพแวดล้อมบริเวณที่ติดตั้ง (Application conditions)

ลักษณะการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่หน้างานนั้นถือว่ามีผลต่อการเลือกเทคโนโลยีโบลเวอร์เป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น ความพร้อมในเรื่องของสถานที่ติดตั้งโบลเวอร์ หากสภาพแวดล้อมบริเวณหน้างานที่ต้องติดตั้งเครื่องนั้นมีฝุ่นมากหรือต้องติดตั้งบริเวณที่มีอากาศร้อนชื้น เราขอแนะนำให้เลือกติดตั้งสำเทคโนโลยีโบลเวอร์แบบสกรูดิสเพลสเมนต์เชิงบวกที่เชื่อถือได้ (positive displacement screw) หรือแบบ lobe blower รวมถึงแบบแรงเหวี่ยงหลายขั้นตอน (multi stage centrifugal) ในทางกลับกัน หากคุณต้องการลดต้นทุนด้านพลังงานในกระบวนการผลิต อาจจะต้องเลือกใช้เทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น (energy-efficient technology)

3. ต้นทุนค่าเครื่อง vs ผลตอบแทน (ROI)

โซลูชันที่ถูกที่สุดนั้นเราไม่ได้วัดกันแค่เพียงที่ต้นทุนค่าเครื่องในตอนซื้อเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงที่สุด (ROI) เราต้องคำนวนตั้งแต่ต้นทุนค่าเครื่องในตอนซื้อไปจนถึงค่าใช้จ่ายโดยรวมตลอดอายุการใช้งานด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟหรือค่าซ่อมบำรุง

4. เสียงรบกวนขณะทำงาน (Operating noise levels)

ด้วยคุณสมบัติของโบลเวอร์แรงดันต่ำรุ่นล่าสุดที่มีแผ่นกั้นอัจฉริยะ ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีระดับเสียงที่ลดลงเหลือเพียง 72dB (a) ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการติดตั้งจึงลดลงเนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีห้องและประตูสำหรับเก็บเสียงรบกวน

5. การซ่อมแซมและการบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งาน

เมื่อพูดถึงการบำรุงรักษาตามปกติแล้ว เทคโนโลยีโบลเวอร์รุ่นเก่าบางรุ่นอาจจำเป็นต้องได้รับบริการซ่อมแซม หรือทำการ refurbished จากซัพพลายเออร์ที่คุณซื้อ แต่การพัฒนาของเทคโนโลยี Oil-Free Low Pressure (screw air blower) ได้รับการพัฒนาระดับสูง ทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาที่ต่ำ แทบจะไม่ต้องเข้าไปซ่อมบำรุงเลยเมื่อเทียบกับรุ่นเก่า ที่สำคัญคือสะดวกมาก สามารถซ่อมบำรุงรักษาที่หน้างานได้เลย แม้เทคโนโลยีโบลเวอร์ของคุณจะไม่มีปัญหาที่ต้องซ่อมแซม แต่ยังคงจำเป็นต้องได้รับการตรวจเช็คสภาพเป็นประจำเมื่อครบกำหนด เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกเทคโนโลยีแบบใด ต่างก็มีกลไกการทำงานและระยะการใช้งานที่แตกต่างกัน ส่งผลให้แผนการซ่อมบำรุงรักษาแต่ละอย่างนั้นแตกต่างกันออกไป

6. เปรียบเทียบสมรรถนะการทำงาน

หากเปรียบเทียบโดยดูจากตัวเลขทางสถิติ ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีโบลเวอร์ tri-lobe rotor รุ่นล่าสุด มีเสียงรบกวนต่ำ การสั่นและแรงสะเทือนต่ำ มีประสิทธิภาพในการกวาดปริมาณอากาศได้เกือบหกเท่าในครั้งเดียวเมื่อเทียบกับโบลเวอร์ belt-driven หรือ twin-lobe รุ่นก่อนที่ประสบปัญหา transmission losses มากถึง 5% - 7%  เทคโนโลยีโบลเวอร์ tri-lobe rotor รุ่นล่าสุดจึงมีประสิทธิภาพมากกว่า

แต่ข้อดีของโบลเวอร์ direct-drive (oil-free, rotary screw blowers) คือมีอินเวอร์เตอร์ไดฟ์ในตัวจึงสามารถมีสมรรถนะการทำงานที่กว้างขึ้น ทำให้เครื่องสามารถเติมอากาศได้ตามความต้องการที่แปรผันในแต่ละวันหรือฤดูกาลทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น และเพื่อรับมือกับความต้องการที่ผันผวนนี้ เทคโนโลยีสกรูโบลเวอร์สามารถรองรับทำงานได้ตั้งแต่ 100% ไปจนถึง 25% 

7. ความหลากหลายของเทคโนโลยีแรงดันต่ำ

ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีต่างๆ ที่ใช้ผลิตอากาศอัดแรงดันต่ำเกิดขึ้นมากมาย แต่เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมหลักๆ มีอยู่สามตัวด้วยกัน นั่นก็คือ เทคโนโลยีแบบ lobe เทคโนโลยีแบบ screw และแบบ centrifugal นอกจากนี้ภายในเทคโนโลยีแบบ centrifugal นั้นยังแบ่งออกเป็นโบลเวอร์แบบแรงเหวี่ยงแบบหลายใบพัด (multistage) และแบบความเร็วสูงหรือแบบมีเกียร์ในตัว ดังนั้นเทคโนโลยีแรงดันต่ำที่ใช้ในปัจจุบันจึงมีทั้งหมดห้าประเภทด้วยกัน

low pressure

เทคโนโลยีแต่ละตัวต่างก็มีข้อจำกัดของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีแบบ  lobe จะทำงานได้ดีเมื่อใช้งานที่แรงดันต่ำกว่า 0.3 บาร์และมีอัตราการไหลน้อยกว่า 500 ลบ.ม./ชม. ในขณะที่เทคโนโลยีแบบสกรูจะทำงานได้ดีเมื่อแรงดันและอัตราการไหลอยู่ระหว่าง 500-5,000 ลบ.ม./ชม. ส่วนเทคโนโลยีแบบ centrifugal จะกินเวลามากเมื่อต้องผลิตลมอัดปริมาณมาก

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเลือกเทคโนโลยีแรงดันต่ำควรคำนึงถึงเรื่องการใช้งานเฉพาะของอากาศแรงดันต่ำ

8. คุณสมบัติของเทคโนโลยีแรงดันต่ำแต่ละแบบ

เทคโนโลยีโบลเวอร์แบบ lobe (หรือเรียกอีกอย่างว่าหนึ่งว่ารูทโบลเวอร์) เป็นเทคโนโลยีแบบดั้งเดิมและเชื่อถือได้ มีราคาต้นทุนค่าเครื่องที่ต่ำเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีแบบสกรูโบลเวอร์ แต่ในทางกลับกันเทคโนโลยีแบบสกรูโบลเวอร์จะให้ความน่าเชื่อถือที่มากกว่าและประหยัดพลังงานมากกว่า ทำให้คุณได้รับผลตอบแทน (ROI) ที่มากขึ้น 

9. Multistage vs. Turbo

เทคโนโลยีโบลเวอร์แบบ Multistage นั้นให้ประสิทธิภาพที่ตรงตามมาตรฐานระดับอุตสาหกรรม จึงเหมาะสำหรับการใช้งานเฉพาะทาง อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีโบลเวอร์ทั้งแบบ Turbo หรือ turbo-multistage นั้นก็ถือเป็นการผสานเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพระดับชั้นนำของตลาดและเชื่อถือได้ จึงออกมาเป็นเครื่องอัดอากาศแรงดันต่ำที่สามารถผลิตลมอัดได้หลากหลายตามความต้องการใช้งาน  โดยมีต้นทุนตลอดอายุการใช้งานที่ต่ำที่สุด แต่ยังคงประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงสุด

10. เทคโนโลยี VSD

เนื่องจากกว่า 80% ของต้นทุนตลอดอายุการใช้งานของเทคโนโลยีโบลเวอร์เป็นต้นทุนด้านพลังงานหรือค่าไฟ เมื่อคำนวนดูแล้วค่าไฟที่เกิดจากระบบอัดอากาศนั้นคิดเป็น 40% ของค่าไฟในทั้งหมดในโรงงานเลยทีเดียว นวัตกรรม VSD เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้คุณประหยัดพลังงาน นอกจากนี้เทคโนโลยี VSD ยังมีส่วนช่วยลดโลกร้อนอีกด้วย เนื่องจากเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Atlas Copco ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีเราเข้าใจคุณ ว่าการใช้โบลเวอร์แบบ lobe นั้นมีต้นทุนเรื่องค่าใช้จ่ายที่ถูกก็จริงแต่เทียบกับการใช้งานในระยะยาวแล้วค่อนข้างสิ้นเปลืองพลังงานเลยทีเดียว เราจึงพัฒนาเทคโนโลยีโบลเวอร์ (screw air blower) ให้มีสมรรถนะและประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใส่ตัวควบคุมอินเวอร์เตอร์ VSD เข้าไปในตัว screw air blower ทำให้มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 30% เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีดั้งเดิมหรือโบลเวอร์รุ่น lobe (root blower)

ลองพิจารณาดูว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ตรงกับการใช้งานของคุณ แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกเทคโนโลยีโบลเวอร์แรงดันต่ำแบบใด สิ่งสำคัญคือคุณควรจะเลือกเทคโนโลยีที่เชื่อถือได้ รับประกันความต่อเนื่องในกระบวนการผลิต  มีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน

Rotary screw ZM ZS ZS โบลเวอร์ โบลเวอร์ ZL ZL อากาศอัดไร้น้ำมันปนเปื้อน ZB Centrifugal ZB 2021

สนใจแอด LINE เพื่อติดต่อสอบถาม

contact icon