ความชื้นเป็นหนึ่งใน "สิ่งอันตราย" หลักๆ ของอากาศอัด compressed air ด้วย 2 เหตุผลคือ: 

• เมื่ออากาศแวดล้อมถูกบีบอัด ความชื้นจะยังคงอยู่ ซึ่งหมายความว่าในอากาศอัดที่ไม่ผ่านการบำบัดจะมีความชื้นมากกว่าอากาศที่อยู่รอบตัวเราเสมอ 

• ความชื้นอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบอัดอากาศ compressed air อุปกรณ์ส่วนปลาย และผลิตภัณฑ์ได้ เช่น จากการกัดกร่อน นอกจากนี้ยังสามารถนำไปสู่การเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ เช่น แบคทีเรีย ที่อาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการผลิตในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

ความชื้นในอากาศอัดควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็ลดความทนทานของอุปกรณ์ในระบบอัดอากาศ compressed air ของคุณ

อย่างไรก็ตาม มีหลายกรณีที่ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานคุณภาพอากาศบางประการ ส่วนใหญ่มักเป็นข้อมูลเฉพาะของอุตสาหกรรม เมื่อใดก็ตามที่อากาศอัดสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ที่ละเอียดอ่อน เช่น อาหารและเครื่องดื่ม ยา อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ จะต้องบริสุทธิ์เป็นพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้ผลิตภัณฑ์เสียหรือสึกกร่อน ฯลฯ

การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดไม่เพียงส่งผลให้เกิดผลเสียเท่านั้น แต่ยังอาจนำไปสู่การหยุดการผลิต การทิ้งผลิตภัณฑ์ การเรียกคืน หรือแย่กว่านั้นก็เป็นได้

นั่นคือเหตุผลที่ขั้นตอนแรกคือการรู้ว่าคุณภาพอากาศระดับใดที่จำเป็นสำหรับการใช้งานของคุณ คุณควรศึกษา ISO 8573-1(ed. 2010) ซึ่งเป็นมาตรฐานคุณภาพอากาศระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุด แบ่งออกเป็น 7 ระดับคุณภาพอากาศเพื่อช่วยให้คุณทราบว่าอากาศของคุณบริสุทธิ์แค่ไหน

เพื่อหาระดับความบริสุทธิ์ของอากาศที่ตรงกับคุณ คุณต้องกำหนดจุด Pressure dew point (PDP) ของอากาศอัดของคุณด้วย

ถือเป็นการบ่งบอกปริมาณน้ำในอากาศอัดของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PDP หมายถึงอุณหภูมิที่ไอน้ำควบแน่นและกลายเป็นน้ำที่ความดันอากาศที่ทำงานอยู่ในปัจจุบันการกำจัดความชื้นต้องใช้ดรายเออร์หรือเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่หลากหลายสำหรับคุณ ดังนั้นคุณควรเลือกเทคโนโลยีใดเพื่อปกป้องกระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ของคุณ

เมื่อทราบระดับความบริสุทธิ์ของอากาศและ PDP ของคุณแล้ว คุณจะสามารถหาดรายเออร์หรือเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer)  และเทคโนโลยีเครื่องทำลมแห้งที่เหมาะสมที่สุดได้ และหากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับคุณภาพอากาศ air quality ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ มาตรฐานความบริสุทธิ์ วิธีคำนวณ PDP ของคุณ หรือหากคุณมีคำถามอื่นๆ คุณสามารถติดต่อเพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เรายินดีที่จะช่วยเหลือคุณ

วิธีที่ดีและง่ายที่สุด ในการเลือกเทคโนโลยีดรายเออร์หรือเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer)  ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำงานของคุณคือการกำหนดข้อกำหนด PDP ในการใช้งานของคุณ ตัวอย่างเช่น หาก PDP ต่ำกว่า 3°C (37.4°F)  คุณควรเลือกการทำลมแห้งแบบดูดซับสารดูดความชื้น ในดรายเออร์หรือเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer)  ประเภทนี้ อากาศที่มีความชื้นจะไหลผ่านสารดูดความชื้น ซึ่งอาจเป็นเม็ดเล็กๆ นับพันเม็ดหรือสารดูดความชื้นที่เป็นแบบแข็ง Cerades™ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของเรา ซึ่งจะดูดซับและกักเก็บความชื้นไว้

หากข้อกำหนด PDP ไม่เข้มงวด คุณอาจใช้เครื่องทำลมแห้งแบบใช้สารทำความเย็นได้ เป็นการใช้สารทำความเย็นเพื่อขจัดความชื้นออกจากอากาศอัด โดยทั่วไป ยิ่งต้องมี PDP ต่ำมากเท่าใด ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนการผลิตงานโดยตรง

นี่คือสาเหตุที่ทำให้ดรายเออร์หรือเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer)  ของเราทั้งหมดได้รับการออกแบบให้ประหยัดพลังงานอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น เนื่องจากความร้อนเป็นผลพลอยได้จากการบีบอัด เครื่องทำลมแห้งที่ใช้สารดูดความชื้นบางส่วนของเราจึงใช้ความร้อนนั้นมาเป็นแหล่งพลังงานเพื่อลดต้นทุนของคุณ กระบวนการนำความร้อนกลับมาใช้ใหม่นี้ช่วยให้จุดน้ำค้าง dew point ต่ำถึง -40°C/°F ได้โดยไม่ต้องเพิ่มการใช้พลังงานจำนวนมากอย่างที่ต้องคิด

เห็นได้ชัดว่าดรายเออร์หรือเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer)  แบบใช้สารดูดความชื้นสามารถใช้กับงานที่ต้องการจุด PDP ที่สูงกว่าและในขณะที่บางการใช้งาน ใช้ไดรเออร์หรือเครื่องทำลมแห้ง (Air Dryer)  แบบใช้สารทำความเย็นก็เพียงพอแล้ว