การคำนวณ Life Cycle Cost ของระบบอัดอากาศ (Compressor System)
เทคนิคการคำนวณ Life Cycle Cost ในระบบอัดอากาศ
คุณกำลังจะลงทุนซื้อเครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลมตัวใหม่อยู่ล่ะสิ
เมื่อคุณต้องเปลี่ยนปั๊มลมหรือเครื่องอัดอากาศ (air compressor) ที่มีอยู่หรือซื้อเครื่องใหม่สำหรับโรงงานของคุณ มีหลายปัจจัยที่คุณควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ นอกเหนือจากข้อจำกัดด้านพื้นที่ คุณสมบัติ ระดับเสียง และการใช้ประโยชน์อื่นๆ แต่ปัจจัยหลักที่ควรพิจารณาคือค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานนั่นเอง! เมื่อต้องการซื้อหรือเปลี่ยนระบบ คุณควรคำนึงถึงราคาเครื่องที่จ่าย รวมถึงค่าไฟและค่าบำรุงรักษาที่ต้องเสียในระยะยาวตามความต้องการของธุรกิจคุณ บทความวันนี้เราจะมาสอนเทคนิคการคำนวณค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานของระบบอัดอากาศกันค่ะ
ค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานของระบบอัดอากาศคืออะไร?
แล้วจะคำนวณค่าใช้จ่ายตลอดการใช้งานของระบบอัดอากาศยังไงล่ะ?
จริงๆ แล้ว การพิจารณาค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งาน มีหลายวิธี แต่วิธีที่ใช้บ่อยที่สุดคือสูตรง่ายๆ ดังตัวอย่างนี้เลยค่ะ
ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ที่เรานำมาคำนวณมาจากที่ไหนบ้าง? ปัจจัยทั้ง 3 นี้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนครั้งแรก ค่าบำรุงรักษา ค่าพลังงานตลอดอายุการใช้งาน มีบทบาทสำคัญในการคำนวณค่าใช้จ่ายตลอดการใช้งานในระบบอัดอากาศ มาดูกันค่ะว่าแต่ละปัจจัยคืออะไร เพื่อที่เราจะนำมาคำนวณได้อย่างถูกต้อง
1. การลงทุนครั้งแรก(Total Purchase Price): แม้ราคาต้นทุนตอนซื้อเครื่องจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของค่าใช้จ่ายตลอดการใช้งาน (Life Cycle Costs) แต่สิ่งที่สังเกตได้คือปั๊มลมหรือเครื่องอัดอากาศ ที่มีราคาถูกมักจะมีค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานที่สูงกว่าปั๊มลมที่ราคาสูง นั่นอาจเป็นเพราะในระยะยาวปั๊มลมที่มีราคาถูกนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรักษาที่มากกว่าและมีค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงกว่า และอย่าลืมรวมค่าติดตั้งไว้ในราคาซื้อด้วย ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจรวมถึงการเดินสายไฟฟ้า ท่อลมและท่อน้ำ และข้อกำหนดของโครงสร้าง และอาจแตกต่างกันไปตามประเภทและรุ่นของปั์มลมที่คุณเลือก ซึ่งเผลอๆ ค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานของปั๊มลมราคาถูกอาจมีราคาสูงกว่าปั๊มลมที่มีราคาสูงเสียอีก ฉะนั้นอย่ามองเพียงต้นทุนในตอนซื้อเครื่องล่ะ
2. ค่าบำรุงรักษา(Maintenance Costs): ค่าบำรุงรักษาอาจต่างกันมาก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและประเภทของปั๊มลมด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษานั้นรวมไปถึงค่าแรงและค่าอะไหล่ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้ปั๊มลมของคุณทำงานได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการกำหนดการบำรุงรักษาที่จำเป็นด้วย นอกจากนี้คุณควรคำนึงถึงด้วยว่าการบำรุงรักษาที่จะได้รับจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรงหรือบริการจากตัวแทนท้องถิ่น ทั้งนี้ควรศึกษาด้วยว่าผู้ผลิตแต่ละรายมีช่วงเวลาการบริการและอายุการใช้งานของอะไหล่แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งอาจส่งผลอย่างมากต่อต้นทุนในการบำรุงรักษาปั๊มลมหรือเครื่องอัดอากาศของคุณตลอดอายุการใช้งาน บางครั้งปั๊มลมที่มีราคาถูก อาจมีจุดอ่อนคือต้องซ่อมแซมบ่อย จึงอาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการบำรุงรักษาสูง
3. ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน(Energy Efficiency): ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานเป็นอีกปัจจัยที่เราควรตระหนัก เพราะต้นทุนด้านพลังงานคิดเป็น 70% ของค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานเลยทีเดียว ผู้ผลิตจึงพยายามหาวิธีลดต้นทุนด้านพลังงาน โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในระบบอัดอากาศ ที่อาจช่วยประหยัดค่าไฟต่อปีได้อย่างมหาศาล เงินที่ประหยัดไปสามารถทดแทนส่วนต่างของราคาซื้อในการลงทุนครั้งแรกได้ในเวลาไม่กี่เดือน และก็เป็นไปได้ที่อาจทดแทนราคาเครื่องปั๊มลมหรือเครื่องอัดอากาศทั้งหมดเมื่อใช้งานจนครบอายุการใช้งาน
จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนการลงทุนซื้อเครื่องใหม่นั้นมีหลายปัจจัย ดังนั้นคุณควรพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายตลอดการใช้งาน (Life Cycle Costs) ที่ต่ำที่สุด เพื่อความคุ้มค่าในการลงทุนค่ะ
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Life Cycle Cost ได้ ที่นี่
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของเรา สามารถติดต่อหาเราได้ที่ official line: @atlascopcothailand หรือช่องทาง Facebook.
การผลิต เครื่องใช้ไฟฟ้าและเซมิคอนดักเตอร์ การติดตั้งเครื่องอัดอากาศ อุตสาหกรรมทั่วไป น้ำมันและก๊าซ ยานยนต์ การบำบัดน้ำเสีย การเลือกเทคโนโลยีสำหรับระบบอัดอากาศที่เหมาะกับกระบวนการผลิต การเปลี่ยนระบบเครื่องอัดอากาศหรือพัฒนาระบบปั๊มลม