คุณภาพของอากาศอัดที่ใช้ในกระบวนการผลิตนั้นสำคัญไฉน
คนเราสามารถอยู่ได้ 3 นาที หากขาดอากาศหายใจ หากมากกว่านั้นสมองจะขาดออกซิเจน และเสียชีวิตในที่สุด คุณภาพอากาศนับเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตมนุษย์ หากอากาศที่เราใช้หายใจทุกวันนี้เป็นมลพิษก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพเราได้ เช่น ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เราต้องหาทางป้องกันเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยการซื้อเครื่องฟอกอากาศ (air purifier) หรือการสวมใส่หน้ากากอนามัย เป็นต้น
คุุณภาพของอากาศอัด (The Quality of Compressed Air) ที่ใช้ในกระบวนการผลิตก็เช่นกัน อากาศอัดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกระบวนการผลิตที่ขาดไม่ได้ หากอากาศอัด (Compressed Air) ที่คุณใช้ในกระบวนการผลิตไม่ได้คุณภาพที่เหมาะสมหรือมีการปนเปื้อนก็อาจทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณเสียหายได้ ผลที่ตามมาคือคุณอาจสูญเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากได้และถึงแม้คุณจะพยายามแก้ไขก็อาจไม่ทันการ ทำให้ค่าใช้จ่ายพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว คุณภาพของอากาศอัดจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการผลิต ดังนั้นคุณควรเลือกคุุณภาพของอากาศอัดให้เหมาะสมกับการใช้งาน รวมถึงและข้อกำหนดในอนาคตด้วย
ทำไมเราต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของอากาศอัด?
อากาศในชั้นบรรยากาศที่ปั๊มลมหรือเครื่องอัดอากาศ (air compressor) ดูดเข้าไปนั้นมักจะประกอบไปด้วยสิ่งปนเปื้อนในอากาศอัดที่เราไม่ต้องการ เช่น ความชื้น หยดน้ำหรือไอน้ำ ละอองน้ำมันหรือหยดน้ำมัน ตลอดจนฝุ่นละอองต่างๆ โดยการปนเปื้อนเหล่านี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่ใช้งานฤดูกาลต่างๆ ตามสภาพอากาศ รวมถึงสถานที่ตั้งปั๊มลม เมื่ออากาศอัดผ่านกระบวนการบีบอัด สิ่งปนเปื้อนเหล่านี้จะถูกกำจัดทิ้งโดยเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่ไม่จำเป็นจากท่อลมอัดหรืออุปกรณ์นิวเมติกอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตของคุณได้ อาจทำให้ผลผลิตลดลงและต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงได้
คุุณภาพของอากาศอัดที่ใช้ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณด้วย ยิ่งอุตสาหกรรมที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้บริโภคโดยตรง ยิ่งต้องให้ความสำคัญเกี่ยวกับคุณภาพของอากาศอัดมากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมอาหารและยา ความสะอาดของอากาศอัดที่ใช้นั้นต้องสะอาดเพื่อให้ได้ตามมาตราฐานที่กำหนด เราในฐานะผู้ผลิตและพัฒนาอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบอัดอากาศให้มีคุณภาพตามเกณฑ์ที่ผู้บริโภคกำหนด เมื่อมีการกำหนดมาตรฐานของอากาศอัดในกระบวนการผลิตอย่างชัดเจน เราก็สามารถออกแบบระบบอัดอากาศให้ตรงตามการใช้งานได้ เมื่อการบีบอัดอากาศมีกระบวนการผลิตที่ชัดเจน มีระบบที่ตรวจสอบได้ ทำให้การเลือกใช้ระบบที่ประหยัดพลังงานและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ก็ยังมีคำถามที่มีการถกเถียงกันว่าอากาศอัดจะสัมผัสกับผลิตภัณฑ์โดยตรงหรือไม่ ตัวอย่างเช่น เมื่อมีละอองน้ำมันอยู่ในระบบอัดอากาศ แต่ระบบสามารถทำงานได้ปกติิ ทำให้จำเป็นต้องใช้วิธีการที่เป็นระบบมากขึ้นในการเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน
ตัวกรองหรือ filters มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพอากาศอัดได้อย่างไร?
การดื่มน้ำ หากคุณต้องการน้ำดื่มที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อนก็จำเป็นต้องมีระบบการกรองที่ดี ได้มาตรฐาน อากาศอัดที่ใช้ในกระบวนการผลิตก็ใช้หลักการเดียวกันคือการกรอง เพื่อบำบัดจากอากาศทั่วไปให้เป็นอากาศอัดที่มีคุณภาพ คุณเคยได้ยินคำนี้ไหมคะ “Air is free, but compressed air is not” เพราะกว่าอากาศจะผ่านกระบวนการจนออกมาเป็นอากาศอัด ที่เราใช้ในกระบวนการผลิตนั้นไม่ใช้เรื่องง่าย
ปกติแล้ว ไส้กรองอากาศจะช่วยแยกสิ่งปนเปื้อนที่ปะปนอยู่ในอากาศ โดยประสิทธิภาพในการกรองของไส้กรองนั้นจะกรองทุกอย่างโดยแยกจากขนาดของอนุภาค แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้ไส้กรองนั้นกรองได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เนื่องจากไม่มีไส้กรองตัวใดที่จะกรองอนุภาคได้ทั้งหมด แม้แต่ไส้กรองที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับกรองแยกขนาดอนุภาคโดยเฉพาะก็ยังไม่สามารถกรองอนุภาคได้หมด ความสามารถในการแยกอนุภาคของตัวกรองแต่ละชนิดก็จะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดของอนุภาคนั้นๆ เพราะตัวกรองแต่ละชนิดก็มีหน้าที่และคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป แต่ละตัวก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่มีตัวกรองใดที่คงประสิทธิภาพการกรองได้ตลอดช่วงอายุการใช้งาน เมื่อใช้งานไปนานๆ ย่อมมีเสื่อมสภาพหรือหมดอายุไปตามเงื่อนไข คุณจึงควรหมั่นตรวจเช็คและเปลี่ยนตัวกรองตามกำหนด
การกรองละอองน้ำและละอองน้ำมัน เราขอแนะนำให้คุณยังคงใช้ Coalescing Filter เนื่องจากตัวกรองประเภทนี้มีคุณสมบัติในการแยกหยดน้ำ ละอองน้ำหรือน้ำมันเมื่อรวมตัวกันจำนวนมากจะกลายเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ และตกลงไปที่ก้นตัวกรอง Coalescing Filter สามารถแยกน้ำมันที่อยู่ในรูปของละอองลอยและในรูปของเหลวได้ แต่ข้อเสียคือน้ำมันที่อยู่ในรูปของเหลวนั้นเกิดจากความเข้มข้นสูงโดยธรรมชาติ จึงอาจส่งผลให้เกิดแรงดันตกสูง (pressure drop) และปริมาณน้ำมันที่อาจล้นเกินกำหนด หากคุณต้องการแยกน้ำมันในรูปไอน้ำ (vapor ) เราขอแนะนำให้คุณใช้ตัวกรองที่มีวัสดุดูดซับหรือถ่านกัมมันต์ที่เหมาะสม (activated carbon)
แต่ไม่ว่าคุณจะใช้ตัวกรองชนิดใดก็มีโอกาสเกิดแรงดันตก (pressure drop) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเป็นการสูญเสียพลังงานในระบบอัดอากาศ กินไฟแม้ผลิตลมอัดได้เท่าเดิม การเลือกใช้ตัวกรองที่ละเอียดกว่าด้วยโครงสร้างที่แน่นกว่าทำให้เกิดแรงดันตก (pressure drop) ที่สูงกว่าและอาจอุดตันได้เร็วกว่า ซึ่งต้องเปลี่ยนตัวกรองบ่อยขึ้นและส่งผลให้ค่าบำรุงรักษาสูงขึ้น
คุณภาพของอากาศแบ่งเกณฑ์ตามปริมาณอนุภาคของสิ่งปนเปื้อนที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศอัด ไม่ว่าจะเป็น น้ำหรือน้ำมัน โดย ISO 8573-1 (มาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับความระดับบริสุทธิ์ของอากาศอัด) ได้กำหนดเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อเป็นมาตรฐานความบริสุทธิ์ของอากาศที่อุตสาหกรรมจำเป็นต้องปฏิบัติตาม เพื่อลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนของอากาศในกระบวนการผลิต แอตลาส คอปโก้เราขอแนะนำให้ใช้ปั๊มลมหรือเครื่องอัดอากาศ (air compressor) ที่ได้มาตรฐาน เท่านั้นและใช้ไส้กรองเฉพาะเมื่อคุณต้องการอากาศอัด ที่มีความบริสุทธิ์ระดับคลาส 0 เท่านั้น นอกจากนี้ไส้กรองที่ใช้ต้องไม่เพียงแต่รองรับอัตราการไหลแบบปกติเท่านั้น แต่ยังต้องรองรับอัตราการไหลของลมที่เพิ่มมากขึ้นด้วย เพื่อที่จะควบคุมระบบเมื่อแรงดันตก (pressure drop) ในช่วงที่มีการอุดตันระหว่างการใช้งาน
เมื่อคุณทราบระดับ ISO ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณแล้ว คุณก็สามารถวางแผนได้ว่าต้องใช้อุปกรณ์ใดเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวกรอง (filter) หรือมีคำถามเพิ่มเติม สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของแอตลาส คอปโก้ได้โดยตรงที่ Official Line@: @atlascopcothailand
เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม Filters เครื่องอัดอากาศหรือปั๊มลม (Air compressor) ตัวกรอง การตรวจสอบและการเพิ่มประสิทธิภาพ