ให้ทั้งประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อ: ประโยชน์ของเครือข่าย 5G ส่วนบุคคลในการผลิต

ตามข้อมูลด้านอุตสาหกรรม ปัญหาการเชื่อมต่อเป็นสาเหตุที่ทำให้การผลิตเกิดการสะดุดถึง 30% การเชื่อมต่อที่น่าเชื่อถือจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับโรงงานสมัยใหม่

เหตุผลหลักของการเปลี่ยนแปลงนี้ก็คือความจำเป็นในการจัดเก็บ วิเคราะห์ และดำเนินการกับข้อมูลแบบเรียลไทม์ ระบบการสื่อสารที่ยืดหยุ่น น่าเชื่อถือจะผสานรวมสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างราบรื่น 5G จะช่วยยกระดับโฟลว์การทำงานด้วยการหาพิกัดเครื่องมือได้อย่างรวดเร็วด้วยโครงข่ายสามเหลี่ยม ช่วยลดเวลา เพิ่มความสามารถในการผลิต นอกเหนือจากด้านประสิทธิภาพ ยังมีความสำคัญต่อด้านคุณภาพและความปลอดภัย การสูญเสียการเชื่อมต่อแม้เพียงครู่เดียวในสายการผลิตอาจทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก ส่งผลกระทบต่อผลิตภาพและความปลอดภัย การผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ได้รับผลกระทบร้ายแรงในงานที่มีความสำคัญ เช่น การขันสกรูยึดบนเข็มขัดนิรภัย

แต่ในปัจจุบัน พื้นที่การผลิตหลายแห่งยังใช้วิธีจดบันทึกด้วยปากกาและกระดาษอยู่ ซึ่งสิ้นเปลืองทั้งเวลาและทรัพยากร 5G จะช่วยให้การผลิตมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

เครือข่าย 5G ส่วนบุคคลจะช่วยสร้างช่องทางการสื่อสารและการรักษาความปลอดภัยได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ช่วยให้สามารถจัดการการรักษาความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ นอกจากนั้น เครือข่าย 5G ส่วนบุคคลยังสามารถจำกัดและควบคุมการเชื่อมต่อให้อยู่ในพื้นที่เฉพาะของพื้นที่การผลิต เพิ่มการควบคุมอีกชั้น

แต่การนำเครือข่าย 5G ส่วนบุคคลมาใช้ยังมาพร้อมกับความท้าทาย อุปสรรคใหญ่ข้อหนึ่งก็คือการต้องรับมือกับย่านความถี่ทั่วโลก วิธีการแบบปรับให้เข้ากันได้นั้นมีความสำคัญต่อการนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังคงมีความแตกต่างระหว่างประเทศต่างๆ อยู่ เช่น บางภูมิภาคอาจใช้ 4G ในขณะที่บางแห่งนั้นใช้ย่านความถี่ที่เช่าจากผู้ให้บริการโทรศัพท์ จึงต้องมีการปรับตามข้อกำหนดและขึ้นอยู่กับรูปแบบธุรกิจต่างๆ

ความเป็นไปได้หนึ่งคือการผลักดันเพื่อสร้างความถี่ที่มีความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นภายใต้การดูแล แทนการใช้กฎระเบียบที่เคร่งครัด โชคดีที่การเริ่มต้นใช้งานเครือข่าย 5G ส่วนบุคคลนั้นมีความตรงไปตรงมายิ่งขึ้น มีระบบนิเวศน์ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นพร้อมกับซัพพลายเออร์และผู้ผนวกรวมระบบที่จะให้ความช่วยเหลือในการติดตั้งเริ่มแรก และให้ความช่วยเหลือด้านการวางแผนความถี่วิทยุ 5G

แม้กระนั้นก็ยังคงมีอุปสรรคที่ยังต้องเอาชนะอยู่ การผสานการทำงานของ 5G เข้ากับระบบต่างๆ นั้นมีความซับซ้อน เพราะว่าอุปกรณ์บางอย่างไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับระบบ 5G ตั้งแต่แรก ผู้ผลิตต้องผลักดันความเข้ากันได้กับระบบ 5G ในกระบวนการจัดซื้อ การนำเครือข่าย 5G ส่วนบุคคลมาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ ความยืดหยุ่น ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยสูงสุดนั้นจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์

ความกังวลว่า 6G จะมาแทนที่ 5G นั้นสามารถเข้าใจได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เทคโนโลยีทั้งสองจะอยู่ร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการคนละอย่างกัน เครือข่ายในปัจจุบันนั้นรองรับทั้ง 4G และ 5G โดยใช้ประโยชน์จากข้อดีของทั้งสองระบบ โดย 4G จะเป็นทางเลือกที่ประหยัดสำหรับงานที่ต้องการเพียงการเชื่อมต่อขั้นพื้นฐาน และใช้ 5G ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าสำหรับงานที่ต้องการความสามารถขั้นสูง

และ 6G ก็จะช่วยส่งเสริมแทนที่จะมาแทนที่โครงสร้างพื้นงานที่มีในปัจจุบัน การลงทุนใน 5G จึงจะรองรับการใช้งานไปอีกได้ยาวนานจากการส่งเสริมกันและกันนี้ โดยมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เพียงพอสำหรับอุตสาหกรรมอีกเป็นเวลานานถึง 20 ถึง 30 ปี

นวัตกรรมจะยังดำเนินต่อไป เทคโนโลยีใหม่ๆ จะสร้างความสามารถใหม่ๆ และตอบโจทย์ความต้องการการใช้งานใหม่ๆ แม้ว่าในที่สุดแล้วอุตสาหกรรมจะพัฒนาไปสู่ 6G สำหรับการใช้งานเหล่านี้ แต่ในระหว่างนี้ 5G จะยังมีบทบาทที่สำคัญและสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ และความก้าวหน้าที่ต่อเนื่อง

Smart Integrated Assembly เป็นแนวคิดของ Atlas Copco สำหรับผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการเปลี่ยนแปลงและนำโรงงานอัจฉริยะมาใช้ ข้อเสนอนี้รวมถึง เครื่องมือ Smart Connected Assembly สำหรับการใช้งานในโรงงานและนอกสถานที่ โซลูชั่นสายการประกอบแบบบูรณาการอย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการผลิต รวมไปถึงชุดบริการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอันเป็นเอกลักษณ์

วิธีการแบบองค์รวมนี้จะช่วยคุณในการพัฒนาการผลิตที่สามารถรับประกันคุณภาพ เป็นไปตามหลักสรีรศาสตร์ และเป็นมิตรต่อผู้ปฏิบัติงาน ในขณะที่ลดของเสีย วัสดุ และการสิ้นเปลืองพลังงาน ซึ่งนำไปสู่การลดต้นทุนพร้อมกับลดการปล่อยมลพิษที่เป็นสาเหตุของปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง